"Master Style" submits filing for IPO and moves forward to Market for Alternative Investment (MAI) to raise funds for renovating the operating room-purchasing medical equipment
บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ หรือ MASTER ผู้ประกอบการกิจการสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช”หรือ “Masterpiece Hospital” ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO ไม่เกิน 65 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น และ In Glory Investments Limited ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิม เสนอขายหุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หวังนำเงินระดมทุนขยายธุรกิจในช่วงปี (2566-2567) เพื่อปรับปรุงอาคารและห้องผ่าตัด รวมทั้งใช้จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์-เป็นเงินลงทุนปรับปรุง-ขยายพื้นที่ดำเนินงาน และใช้เป็นทุนหมุนเวียน
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัทฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯ เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การเสนอขายหุ้นของบริษัท จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนไม่เกิน 65 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 27.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai ในหมวดธุรกิจบริการ ทั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น และ In Glory Investments Limited ในฐานะผู้ถือหุ้นเดิม เสนอขายหุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท
"จุดเด่นของ MASTER คือ การเป็นผู้ประกอบการกิจการสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช” ซึ่งก่อตั้งโดยนายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ให้บริการด้านการศัลยกรรมครบวงจร ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านการศัลยกรรม อาทิเช่น ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมยกคิ้วและกรอบหน้า ศัลยกรรมหน้าอก ศัลยกรรมดูดไขมันปรับรูปร่าง ศัลยกรรมตา ศัลยกรรมปรับโครงสร้างรูปหน้า เป็นต้น รวมถึงการปลูกผม ดูแลเส้นผม และให้บริการดูแลผิวพรรณและเลเซอร์ ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและได้รับมาตรฐานระดับสากล โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชมีแพทย์ 28 ท่าน บุคลากร 361 คน และพื้นที่ให้บริการ 4,267 ตารางเมตร" นางสาวเดือนพรรณ กล่าว
ทั้งนี้ โครงสร้างการให้บริการและขายผลิตภัณฑ์สามารถแบ่งเป็น 4 ส่วนดังนี้ 1. บริการด้านศัลยกรรม (Surgery) 2. บริการปลูกผมและดูแลเส้นผม (Hair Transplants and Hair Treatment) 3. บริการดูแลผิวพรรณ (Skin) และ 4. ขายผลิตภัณฑ์หรือให้บริการหลังศัลยกรรม (Product Sales and Aftercare)
นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) (“MASTER”) ผู้ประกอบการกิจการสถานพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช”หรือ “Masterpiece Hospital” เปิดเผยว่า บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2564) และงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 โดยมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 414.03 ล้านบาท 611.06 ล้านบาท 659.51 ล้านบาท และ 237.77 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 47.59 ร้อยละ 7.93 และร้อยละ 41.78 ตามลำดับ โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีสาเหตุหลักมาจากจำนวนการใช้บริการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความนิยมและชื่อเสียงของบริษัทฯ ที่มีมาตรฐาน ให้บริการและคุณภาพตามมาตรฐานระบบคุณภาพโรงพยาบาล
ขณะที่ในช่วงปี 2562 – 2564 และงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 นั้น บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 61.25 ล้านบาท 128.55 ล้านบาท 162.80 ล้านบาท และ 54.97 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 14.66 ร้อยละ 20.89 ร้อยละ 23.59 และร้อยละ 22.91 ตามลำดับ สะท้อนถึงการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการช่วงปี 2566-2567 โดยมีแผนที่จะใช้ปรับปรุงอาคารและห้องผ่าตัด รวมถึงใช้จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเป็นเงินลงทุนสำหรับปรับปรุงและขยายพื้นที่ดำเนินงาน รวมถึงนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
นพ.ระวีวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ