ปากกาลดน้ำหนัก อ้วนได้ ก็แฟ่บได้
บทความโดย...นพ.อรรถกร ถาวรสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ SKIN MASTER by โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช
ปากกาลดน้ำหนักกำลังได้รับความนิยม เพราะเป็นตัวช่วยตั้งต้นให้ผู้พ่ายแพ้ต่อการลดน้ำหนักหลายคนสามารถเอาชนะ และมีกำลังใจในการลดความอ้วนเอาน้ำหนักตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ทำไมปากกาลดน้ำหนักจึงเป็นนวัตกรรมที่พูดถึงกันมาก ก่อนอื่นคงต้องเท้าความถึงโรคอ้วน ที่เกิดจากการที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากจนทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ แถมโรคอ้วนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
จากฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบเด็กอายุ 6-14 ปี มีภาวะน้ำหนักเกิน และโรคอ้วน เพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 11.7 ในปี 2561 เพิ่มเป็น ร้อยละ 12.4 ในปี 2564 ส่วนวัยผู้ใหญ่อายุ 19 ปีขึ้นไป ก็มีแนวโน้มอ้วนมากขึ้น โดยเป็นโรคอ้วนหรือมีดัชนีมวลกายตั้งแต่ 25 กิโลกรัม/เมตร มากถึง ร้อยละ 45.6 ในปี 2563 และเพิ่มเป็นร้อยละ 46.2 ในปี 2564 และร้อยละ 46.6 ในปี 2565
ล่าสุด กรมควบคุมโรคจัดรณรงค์วันอ้วนโลกเมื่อ 4 มีนาคม และตลอดปี 2566 นี้ ภายใต้แนวคิด ‘Changing Perspectives: Let’s Talk About Obesity: ปรับเปลี่ยนมุมมอง โรคอ้วนคุยกันได้’ ผลักดันให้คนไทยใส่ใจกับโรคอ้วน เสริมสร้างความตระหนักรู้และการสื่อสารเกี่ยวกับโรคอ้วนให้กับทุกคน
แน่นอน, ผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน มักพบปัญหาแทรกซ้อนอื่นตามมา โดยเฉพาะโรคหนังช้าง (Acanthosis Nigricans) โดยลักษณะของผิวหนังจะหนา ขรุขระ มีสีเข้ม ดูเป็นปื้นดำ พบได้บ่อยที่บริเวณข้อพับของร่างกาย เช่น บริเวณหลังคอ รักแร้ ข้อพับแขน ถ้าเป็นมากอาจพบที่บริเวณที่เห็นได้ง่าย เช่น บริเวณหลังมือ และใบหน้า ซึ่งมีโอกาสเกี่ยวข้องกับภาวะดื้ออินซูลินที่เป็นสาเหตุของการเกิดเบาหวาน
มีโอกาสการเกิดแผลกดทับมากกว่าคนปกติ ภาวะระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผิวหนังติดเชื้อง่าย ถ้าเป็นแผลก็จะทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ รวมถึงมีอัตราการไหลเวียนเลือดที่มาเลี้ยงผิวหนังเพิ่มขึ้น เส้นเลือดฝอยที่ผิวหนังหดและมีการขยายตัวที่ผิดปกติ เนื่องจากไขมันมีปริมาณเพิ่มขึ้นมาก
การรักษาโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นควบคู่กับการควบคุมและลดน้ำหนักเป็นการจัดการกับสาเหตุของการเกิดโรคผิวหนังเหล่านี้ที่ต้นเหตุ ซึ่งเมื่อลดน้ำหนักได้แล้วจะพบว่า โรคผิวหนังส่วนใหญ่จะมีอาการดีขึ้น ปื้นดำที่ผิวหนังจะบางลง การเกิดขนคุดราบลงได้บ้าง โอกาสการติดเชื้อและผื่นผิวหนังอักเสบจากการเสียดสีจะลดลงได้ ถึงตรงนี้เชื่อว่าใครหลายคนคงมีความคิดอยากลดน้ำหนักให้ได้แบบจริงจังขึ้นมาแล้ว
การลดน้ำหนักให้ได้ผลต้องเริ่มจากวินัย เช่น การควบคุมอาหาร บางคนถึงกับนับแคลอรี หรือใช้วิธีกำหนดเวลาการกิน ทำ Intermittent Fasting (IF) กินอาหารเพียง 5 ชั่วโมงและอดอาหาร 19 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง หรือแบบ Eat Stop Eat คือ อดอาหาร 24 ชั่วโมง 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนวันที่ไม่อดก็กินได้ตามปกติ
นอกจากนี้ยังทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งนอกจากวินัยแล้วยังควรต้องตั้งเป้าและปรับมายด์เซตใหม่ ด้วยความตั้งใจจริง
พูดง่าย...แต่ทำยาก แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่จากประเทศเดนมาร์กเป็นทางเลือกและตัวช่วยที่น่าสนใจสำหรับใครที่พ่ายแพ้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยตนเอง นั่นคือ ‘ปากกาลดน้ำหนัก’
เพียงกดลงไปตรงพุงก็สามารถช่วยควบคุมน้ำหนักเพราะมีตัวยา Liraglutide ซึ่งแต่เดิมเป็นยารักษาโรคเบาหวาน ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังบริเวณท้อง ต้นขา หรือต้นแขน เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต่อมาในปี ค.ศ. 2014 องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกายอมรับให้ใช้ยา Liraglutide เป็นยาลดน้ำหนักอีกชนิดหนึ่ง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใช้ลดน้ำหนักตัวในคนอ้วน
โดยทำงานคล้ายฮอร์โมนตามธรรมชาติของร่างกายที่ชื่อ Glucagon Like Peptide 1 หรือ GLP-1 ฮอร์โมนตัวนี้เป็นฮอร์โมนในระบบทางเดินอาหารที่จะหลั่งออกมาเมื่อมีอาหารมากระตุ้น หรือหลังการรับประทานอาหาร ออกฤทธิ์ให้สมองสั่งการว่าเรารู้สึกอิ่ม ทำให้กินน้อยลง และส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงในที่สุด ยิ่งถ้าใครมีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก ภายในระยะเวลา 1 เดือนมีสิทธิน้ำหนักลดลงถึง 5 กิโลกรัม
ผลอันน่าอัศจรรย์ใจนี้เอง ปัจจุบันจึงมีสินค้าเลียนแบบ และถูกวางขายกันในตลาดมืด โดยอวดอ้างสรรพคุณการช่วยลดน้ำหนักของปากกาเลียนแบบ จึงอยากแนะนำว่าการเลือกซื้อหาปากกาลดน้ำหนักควรจะซื้อจากโรงพยาบาลหรือสถานประกอบการทางการแพทย์ที่มีแพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย เพราะควรมีการตรวจประเมินก่อนการรักษา และตรวจติดตาม เพราะใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้ปากกาลดน้ำหนักได้โดยไม่มีผลกระทบ โดยเฉพาะ :
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของไต ตับ ลำไส้และกระเพาะอาหาร
- มีการใช้ยาเบาหวาน หรือยาที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด
- อายุต่ำกว่า 18 ปี และอายุมากกว่า 75 ปี
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังให้นม
ปากกาลดน้ำหนักเป็นทางเลือกที่สะดวกและง่าย แต่อย่างไรก็ตามการปรับปรุงพฤติกรรมโดยการควบคุมอาหารร่วมกับการเพิ่มกิจกรรมทางกาย การออกกำลังกาย การรักษาเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติ รวมถึง ‘จิตใจที่เข้มแข็ง’ ของคนไข้ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการรักษาโรคอ้วนที่ยั่งยืน
#Master #Masterpiece #MasterStyle #ปากกาลดน้ำหนัก #โรคอ้วน #SkinMaster #หมอเปตอง #นายแพทย์อรรถกรถาวรสวัสดิ์ #โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช