คำถามที่พบบ่อย
ไตรมาส 2 ประจำปี 2567
อัตราการใช้บริการ (U-rate) ของห้องผ่าตัดที่ประเมินไว้ประมาณ 60% และในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเป็น 62% อย่างไรก็ตาม อัตรานี้ไม่ได้รวมการใช้บริการในส่วนของหัตถการตาและสุขภาพผู้ชาย ซึ่งจะนับเฉพาะ U-rate สำหรับบริการที่มีเครื่องดมยาสลบ
การเลือกประเทศไทยของลูกค้าต่างชาติมีหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของบริการ ข้อมูลทางการแพทย์ และการเป็นเมืองท่องเที่ยว นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณหมอและผลงานได้มากกว่าการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมักต้องพึ่งพาเอเจนซี่
คาดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 10% ภายในหนึ่งปีนับจากวันโพสต์ข้อมูล
ในช่วงแรกเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ จะไม่มีการจ่ายปันผลสำหรับการลงทุนในพาร์ตเนอร์อย่างน้อย 2-3 ปี จนกว่าจะประเมินแล้วว่าธุรกิจสามารถขยายได้ในระดับหนึ่ง
มีการจ่ายปันผลตามนโยบาย โดยจะจ่ายครั้งเดียวและปันผลที่ 50% ของกำไร ในช่วงที่ผ่านมา MASTER ได้จ่ายปันผลทั้งเป็นเงินสดและหุ้น และมีแผนย้ายจากตลาดรองไปที่ SET ภายในเดือนตุลาคม
คาดว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตประมาณ 20% โดยอิงจากข้อมูลของ Q3 และ Q4 ของปีที่แล้ว และข้อมูลจาก backlog ที่มีการวางมัดจำไว้ รวมถึงอัตราการจองที่สูงในไตรมาสที่ 4
อุตสาหกรรมศัลยกรรมมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมีการสนใจในระดับ 21% ที่ยังไม่ได้ทำ และประมาณ 10% ที่ยังไม่เคยเข้ามาในวงการ การใช้จ่ายในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้น รวมถึงการมีการสนับสนุนจากอินฟลูเอนเซอร์ที่มีการตอบรับดี
การมอนิเตอร์และการจัดการคดีความจะถูกดูแลโดยทีมงานของ MASTER และจะดำเนินการทันทีหากมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของแพทย์
สถานการณ์ในประเทศจีนมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่อาศัยในประเทศไทยและเมียนมา เนื่องจากการสนับสนุนจากรัฐบาลในจีนไม่เต็มที่
ใช่ ลูกค้าชาวจีนมีช่องทางโซเชียลที่แตกต่าง และต้องใช้ช่องทางเฉพาะในการประชาสัมพันธ์
รายได้ของ V Square เติบโตประมาณ 19% เมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีของปีที่แล้ว และยอดขายสำหรับสาขาที่เปิดใหม่เติบโตประมาณ 11%
ขณะนี้ยังไม่มีการขยายไปที่อินโดนีเซีย แต่มีช่องทางการร่วมมือผ่านพาร์ตเนอร์เอเจนซี่
กลยุทธ์หลักคือการปรับการโฆษณาและการตลาดให้มีความถี่มากขึ้นและสร้างการรับรู้ในกลุ่มแพทย์ให้เป็นที่รู้จัก
คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High Season
ปัจจุบันลูกค้าไทยคิดเป็นประมาณ 75% และลูกค้าต่างชาติ 25%
ยอดขายในเดือนสิงหาคมเป็นไปตามเป้าหมาย และมีการเติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์
งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งจะใช้เป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน
รายละเอียดเกี่ยวกับความนิยมในการทำหัตถการจากแต่ละประเทศจะมีในสไลด์การนำเสนอ
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพูดคุยและประเมินดีลใหม่ ๆ โดยจะมุ่งเน้นการขยายตลาดและการทำกำไรจากดีลที่มีอยู่
โมเดลของเราใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่าและมีความเชื่อมั่นในด้านแพทย์และสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้เราสามารถเสนอค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าเอเจนซี่เกาหลี
ค่าเสื่อมใน Q2 อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์เนื่องจากการเร่งการสร้างและการรับรู้ตามการใช้งาน
ไตรมาส 1 ประจำปี 2567
- เรายังตั้งเป้าการเติบโต YoY ตามเดิม 20 % จากแนวโน้มในไตรมาส 2 จะมีการเติบโตไม่ว่าจะ QoQ or YoY ในเบื้องต้นเรามองรายได้มีการเติบโตจากไตรมาส 1 ไม่ต่อกว่า 3-5%
- สำหรับในส่วนของครึ่งปีหลังจะมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นตามปัจจัยทางฤดูการ ทำให้ทั้งปีเรายังคงเป้าการเติบโตตามเดิม
จาก Capacity ทั้งหมด เรายังมองในระยะยาว 3-5 ปี ห้องผ่าตัดยังรองรับการเติบโตของรายได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะที่ตั้งเป็น รพ. สามารถเปิดได้ 24 ชม. ต่อวัน แต่ปัจจุบัน เราใช้ห้องผ่าตัด 12 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรายังสามารถเพิ่ม Capacity ห้องผ่าตัดได้อีกเป็นเท่าตัว
เพราะเกิดจากที่กำไรของ Partner เราไม่ได้มีการเสียภาษีเนื่องจากทาง Partner มีการเสียภาษีไปแล้วรอบหนึ่ง และจะไม่โดนภาษีซ้ำซ้อน พอเอามาคิดอัตราส่วนแล้วเลยคิดเป็นเปอร์เซนต์ที่ลดลง
เรามีบอกแล้วว่าแต่ละไตรมาสจะมี Partner แห่งไหนรับรู้กำไรเพิ่มเติมได้บ้าง ซึ่งในกลุ่มของ Partner ที่เพิ่มเติมมา จะมี V-Square เพิ่มเติมในเดือน มิ.ย. ส่วนตัวที่จะรับรู้กำไรคาบเกี่ยวในไตรมาส 3 และ 4 จะมี CMNH, The skin clinic, S45, BEQ , ME center, Aurora ซึ่งทางมาสเตอร์เรา Update เพิ่มเติมในลำดับถัดไป
อัตราจำนวนลูกค้าศัลยกรรมของ Korawin มีการเพิ่มขึ้นมาเมื่อจากปลายปี 66 ตอนนี้เกินกว่า 50% เรามีโอกาสในการลงทุนในเบื้องต้นเพื่อช่วยกรวินขยายธุรกิจ แล้วถ้าเราลงทุนเพิ่มและเอาจุดแข็ง Master เพื่อเสริมสร้างกรวินให้มีความสามารถในการแข่งขัน และมี รพ. ที่กำลังสร้างที่จะแล้วเร็จในไตรมาส 4/2024 จะให้เห็นว่าอัตราการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ทำให้เราลงทุนเพิ่มในกรณีเพื่อรับรู้กำไรในส่วนนี้
U-rate ที่เรานำเสนอไปจะเป็นแค่ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ดังนั้นภาพที่เพิ่มห้อง 7 เป็น 17 ตั้งแต่ในช่วง Q2/2023 การใช้ห้องผ่าตัดที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ U-rate เพิ่มขึ้น จะแตกต่างอย่างเดียวคือจำนวน ชม. ถ้าเพิ่มขึ้น Urate อาจจะคงที่
VSQ มีความเป็นไปได้ที่จะรับรู้ในช่วง Q2 ของ มิถุนายน
เกณฑ์การคัดกรองคือต้องเป็นติด Top 3 ใน Moat ที่เขาแข็งแรงมั้ย ซึ่ง VSQ เป็น Top 3 ดูได้จากรางวัลที่ VSQ ได้ระหว่าง Owner จะมีการคุยกัน และมี Passion แบบเดียวกันในการเติบโต เราจะไม่มีการลงทุนแบบ VSQ อีก
ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดรวม 28 ล้านบาท
แบ่งเป็นค่าเสื่อมจากตัวอาคาร 25 ล้านบาท ค่าตัดจำหน่าย 3 ล้านบาท หลังจากเราต่อเติมโรงพยาบาลในส่วนของ IPD และ บริเวณรับรองรู้ค่าใหม่เสร็จ ค่าเสื่อมราคารวมจะอยุ่ที่ ประมาน 30-32 ล้านบาท โดยจะเริ่มทะยอยรับรู้เพิ่มเติมตั้งแต่ไตรมาส 3 และจะรับรู้เต็มจำนวนในไตรมาส 4/2024
การ M&A ยังมีแผนอยู่ในขั้นตอนและกระบวนการประเมิน แต่ยังมีอีกหลายที่ๆ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
ในส่วนที่เรามีการควบคุมงบประมาณ ค่าใช้จ่ายทาง การตลาด9-10% ต่อยอดขาย ส่วนที่ลดลงจริงๆ จะเป็นเรื่องของ Billboard และ Out of Home Media เรามีการลดลงประมาน 70% ในส่วนของค่าในการตลาดของสื่อออนไลน์ ในช่วงไหน Algorithm ของแต่ละ Platform มีการปรับเปลี่ยน และมีการกระโดนสูงเราจะมีการปิด Ads ทันที และมีการ Monitor และการประชุมจากทุกอาทิตย์เปลี่ยนเป็นทุก3วัน และคอยปรับเปลี่ยนหากลยุทธที่เหมาะสมในการทำการตลาด
ไตรมาส 4 ประจำปี 2566
- ใช้ framework ในการ copy & develop ไปสู่ตัว partner
- ในเรื่องของตัวชี้วัด: 6 เดือนจะเริ่มเห็นว่ารายได้เพิ่มขึ้นอย่างไร และพอครบ 1ปี จะเห็นกำไรที่เป็น performance หมอเส เป็นคนวางกลยุทธ์ พี่ดาวเป็นคนรีด performance + คุม cost เพื่อให้เกิด profitability
- ตอนนี้สัดส่วนอยู่ที่ 70:30 ตามคาดการณ์ แผนเจาะกลุ่มตลาดต่างประเทศ แบ่งแต่ละทีมของแต่ละประเทศ เช่น Indonesia-influencers มีความ royalty กับ master และทางหมอ ทำให้เกิดการบอกต่อกันมาอย่างมาก
- หมอเบนซ์ visit Indonesia เป็นการให้ความรู้และให้คำปรึกษา ** คิดว่าจะได้รายได้ 15 ล้านบาท จีนในพม่า - จะดูตามtrendของคนในประเทศ, เพื่อนมา มาทำตาม + จะต้องมีมาตราฐาน ซึ่งทาง master ก็จะได้เปรียบในส่วนนี้ ลูกค้าต่างชาติกลับมาทำซ้ำ เฉลี่ยปีละ 10-15%
เป้า เฉพาะ Master โต 20% Resource ต่างๆ ปัจจุบันเพียงพอ แต่ ทีมแพทย์ จะต้องเพิ่ม เพราะต้องทำเพื่อ partner ด้วย โดยประมาณการแต่ละ Q ต่างกัน เช่น 1Q67 +3 ท่าน ตามแต่ละหัตถการที่มีการเติบโต Urate ปี 67 60-65% Operation hours 12-14 ชม 1Q67 (2 เดือนที่ผ่านมา) มีอัตราการเติบโตสูงกว่าปี 66
4Q66 เรามี synergy หลายตัว + การร่วมมือกับแพทย์ด้วย จุดนี้คิดว่าลดค่อนข้างเยอะมากที่สุดแล้ว แต่ถ้าถาม trend หรือ average อยากให้นักลงทุนดู Q3 มากกว่า ถือเป็นจุดที่ปกติของบริษัทและมีการเติบโตมากกว่า
เพื่อเป็น M&P เราอยู่ระหว่างการเทียบ benefit อยู่ เดี๋ยวจะบอกอีกทีตอน 3Q67
- เราทำเร็วกว่าที่แจ้งไว้ใน filling เพราะเราเห็นแนวโน้มลูกค้าเข้ามาเยอะขึ้น เพื่อให้ capacity พร้อมรับคนไข้ให้ได้มากที่สุด แนวโน้ม 1Q67 และ 2Q67 ค่าเสื่อมจะยังไม่ได้เพิ่ม ตอนนี้เราอยู่ในระหว่างการสร้างในส่วนสุดท้ายที่รับรอง+ห้องพักผู้ป่วยรายใหม่ น่าจะเสร็จ 3Q24 แต่ค่าเสื่อมคงไม่ได้เพิ่มมากแล้วและจะอัพเดต
- จะประกาศแผนต่อๆ ไปแต่มีดีลแน่นอน อาจจะมีบางดีลที่ใหญ่และ cover ตลาดอื่นๆ ไปอีกแน่นอน เพราะเราปิดตลาดผมและจมูกไปแล้ว และเราวาง Master เป็น Hospitality
ไม่มีค่าใช้จ่ายรายปีเลย เพราะจะเป็นค่าใช้จ่ายแบบ barter กัน + มี criteria ในการเลือก influencers ส่วนที่ลดในกับ Influencers จะเป็นการลดจากของค่า Fee แพทย์
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จประกอบด้วย 3 อย่าง
- specialist
- Marketing
- Operation
แพทย์เป็น owner แต่ upscale ยากเพราะติดปัญหา Marketing & operation จึงอยากได้ master
Master เราพัฒนาไม่หยุด “work life integration” แพทย์ยังต้องมาเรียน soft skill กับเรา และยังเอา Partner เข้ามาร่วมด้วยเพื่อปรับปรุง culture ทำให้เกิด effective มากขึ้น อย่างเช่น การประชุมมีการจับเวลาทุก meeting ทุก 15 นาที ต้องจบ 1 meeting และในเรื่องการตัดสินใจทุกๆ 5 นาที เราต้องตัดสินใจภายใต้ factor ข้อมูลต่างๆ ที่ครบถ้วนด้วย เราจะวิเคราะห์ความเสี่ยง-ประโยชน์ตลอด
ขึ้นอยู่กับหลายๆ ดีล เรื่องจำนวนเงินยังไม่สามารถประมาณการเป็นยอดรวม ขึ้นกับจังหวะ+โอกาส แต่ปีที่แล้วใช้เงินจาก IPO ไปประมาน 1,000 ล้านบาท
ไตรมาส 3 ประจำปี 2566
นพ.ระวีวัฒน์ : ก็อย่างนี้ครับ ผมขออนุญาตแชร์อย่างหนึ่งให้ฟัง คือเป็นสิ่งที่สำคัญมากและเป็นเจตนารมณ์ ผมขออนุญาตแบ่งเรื่องของความที่หมวกหนึ่งที่การอยู่ในตลาดและอีกหมวกหนึ่งคือเรื่องของผู้ประกอบการ ปัจจุบันต้องบอกว่านโยบายผมเติบโตโดยการเปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า เปลี่ยนคู่แข่งให้มาเป็นพาร์ตเนอร์ในตำแหน่ง เราไม่มีความจำเป็นต้องไปสู้ในทุกศึก แต่เราจับมือร่วมกันแล้วแข็งแกร่งกว่า นี่ดีที่สุด เน้นความยั่งยืน นี่คือนโยบายผม ประเด็นที่ 2 คือการกินแบ่ง ไม่กินรวบ นี่ผมย้ำเลยนะครับ กินแบ่ง ไม่กินรวบ เราจะอยู่ได้ต้องแบ่งๆ กัน ทุกคนต้องไปด้วยกันได้ อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด และที่สำคัญ เวลาเรามา join กันไม่ใช่แค่ในเชิงของ structure ตัวเลข แต่ว่าสำคัญที่สุดคือการขอบคุณกันและกันที่มีคําว่า synergy จริงๆ ผมเชื่อมั่น และพี่ๆ ลองไปดูในโซเชียล ในเรื่องของ MASTER insight ได้ ไปดูในโซเชียลมีเดียเดี๋ยวนี้มันไปดูง่าย พี่ไปดูในทุกๆ ที่ได้เลย ก็จะเห็นว่าทุกที่เกิดความขอบคุณกันและดีใจ ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วรู้สึกว่ามันเป็นกรุ๊ปเรา บางทีก็กรุ๊ปเราแข็งแรงๆ นี่แหละครับที่เราจะเติบโต
คุณลภัสรดา : ก็อยากแจ้งว่าในส่วนของการเติบโตแบบ QoQ และ YoY มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แล้วเราก็จะมีการเริ่มรับรู้กําไรในสี่ดีลแรก แต่จะไม่เต็ม quarter จะมีเต็ม quarter เจ้าเดียวก็คือ WIND ในส่วนอีก 3 เจ้าที่เหลือจะเป็นเฉพาะเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมค่ะ
นพ.ระวีวัฒน์ : ก็ผมอธิบายเพิ่มเติมนะครับคุณลภัสรดา ขออนุญาตเสริม เดี๋ยวพอหลังจาก Q1 - Q2 ก็จะเริ่มรับรู้ได้อย่างนี้ครับเพิ่มเข้ามา มีดีลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่เข้ามา ผมต้องเรียนอย่างนี้ ระหว่างวันนี้ ถ้าระหว่าง MASTER เอง เราไปขยายสาขา กว่าจะสร้างเสร็จแบบนี้ก็ 3 - 4 เดือนอยู่ดี 3 - 4 เดือน 5 เดือน 6 เดือนอยู่ดีใช่ไหมครับ กับเราไป JV มันเติบโตได้เลย ไม่ต้องหาฐานลูกค้าใหม่ และใช้เวลาตอนระหว่างทำดีล ประกาศดีลแล้วก็ทำดีลกันสัก 3 เดือน ไม่เกิน 6 เดือน
นพ.ระวีวัฒน์ : ผมเรียนอย่างนี้ครับ ในดีลต่างๆ เราเร็ว-ช้า หนัก-เบา ในปีนี้ดีลที่เหลือที่เราเปิดดีลไปแล้ว เราขออนุญาตยกไปเป็นของปีหน้าเลย เหตุผลเพราะว่าปีนี้จริงๆ ก็ทางทีมงานผมก็ทั้งขอโทษและขอบคุณทีมงานกันทั้งหมด ต้องบอกทางทีมงานเราทำงานกัน tough จริงๆ ในปีนี้ ที่เหลือเราขออนุญาตยกไปเป็นปีหน้า ในปีหน้าก็อาจจะมีเรื่องของ specialty ต่างๆ ที่ด้านอื่นที่เรายังไม่ได้ทำ อาจจะเป็นเรื่องของอีกหลายๆ ด้าน ที่ขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว solid แล้วผมก็จะแจ้งที่ แต่ยังมีอีกเยอะ อีกหลายดีล ปัจจุบัน MASTER เรายังใช้เงินเฉพาะจากทาง IPO ผมต้องบอกว่าตอนต้นปีก็มีพี่ๆ บอกว่าเมื่อไหร่จะใช้หมดสักทีเงิน IPO นักลงทุนกดดัน อยากให้เราเอาเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ปัจจุบันจริงๆ เราใช้แล้วนะครับ เราใช้ทุกๆ ดีลที่เหมาะสม ปัจจุบันเรายังเหลืออีกประมาณสักเกือบสามร้อย หลังจากนี้เองต้องบอกว่านอกจากจะใช้เงินที่เหลือให้หมด ในปีหน้าเราก็ยังมีเรื่องของเรายังไม่ได้ใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ซึ่งถ้ามีเวลาที่เหมาะสม ใช้แล้วเกิดประโยชน์กับบริษัท เราก็จะไม่ลังเลที่จะทำ แต่ก็จะเป็นการทำอย่างคอนเซอร์เวทีฟ เพราะว่าอาจจะดูจังหวะ เช่น พอดูแล้วถ้าเศรษฐกิจกลายเป็นจะเริ่มดีแล้ว กําลังจะขาขึ้น ไม่แน่ วันนั้นเราอาจจะรุกใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
นพ.ระวีวัฒน์ : ในการเลือก VSquare ตัดสินใจด้วยสองเหตุผลหลักง่ายมาก เหตุผลที่หนึ่ง เพราะทาง VSquare ถ้าใครอยู่ในวงการ ผมย้ำนะครับ ถ้าใครอยู่ในวงการแพทย์เป็นอย่างผม หรือผมเชื่อพี่ๆ นักลงทุนทุกท่านมีหมอเป็นเพื่อนแน่นอน ท่านลองไปถามหมอทุกคนจะรู้ว่าเขาใช้เบอร์หนึ่งจริงๆ ยิ่งถ้าเห็นตัวเลขแล้วจะตกใจว่าเขาใช้เยอะขนาดไหน และเป็นของแท้ทั้งหมด อันนี้คือต้องบอกว่า VSquare เกิดมาเพื่อปฏิวัติวงการ ผมใช้คําพูดนี้เลย นี่คือเมนหนึ่ง ถ้าผมจะดีลแล้ว ดีลกับพี่ที่ใช้ยาเยอะ มีฐานลูกค้าเยอะ ผมว่าเราควรจะดีใจนิดหนึ่ง ประเด็นที่สอง VSquare มีสิ่งที่ MASTER ไม่มีหลายเรื่อง แล้วเพิ่มความแข็งขันของกรุ๊ปเรา ต้องบอกความจีเนียสของทาง VSquare คือ SEO พี่ๆ ลองไปเปิดดูพวก SEO ดูจะเห็นว่าคนโดดห่างกันประมาณ 10 เท่า จากคนอื่นเลย เพราะฉะนั้นเขามีความถนัดเรื่องพวกนี้มาก ซึ่งผมยังสู้ไม่ได้เลย ทาง VSquare ผู้บริหารน่ารักและใจดีมาก เสนอเองว่าในกรุ๊ปของ MASTER ทาง VSquare จะขอรับดูแลให้เอง
คุณลภัสรดา : SEO ก็คือเหมือนเวลาเราเสิร์ช Google แล้วขึ้นทางเว็บไซต์ เราจะเห็นการติดอันดับของแต่ละคลินิกหรือสถาบันความงาม
นพ.ระวีวัฒน์ : ต้องบอกว่า 7 - 8 ของหัวข้อหลักที่ไม่ใช่ซื้อ ไม่ใช่ SEM ที่ซื้อนะ ถ้า SEO 7 - 8 หัวข้อหลักในหน้าแรกเป็นของ VSquare หมดเลย พี่ลองเสิร์ชคําว่า “ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี” “ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี” รบกวนพี่ๆ ฟัง ลองเสิร์ชดู แล้วเราจะเห็นว่าเกือบทั้งนั้นของ VSquare หมด อันนี้ผมคิดว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น รบกวนให้ลองทำดูนะครับ อันนี้คือเป็นประเด็นสองประเด็นหลัก และประเด็นสุดท้ายที่จริงๆ เป็นประเด็นแถม แน่นอนครับ เวลาเราจะแต่งงานกับใคร อยู่ด้วยใครกับใคร อันหนึ่งคือถ้าเราคัลเจอร์เดียวกัน value เดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน เราไม่ต้องเสียเวลาขาย ไม่ต้องเสียเวลาพยายาม convince เหมือนคุณลภัสรดากับผม ผมรุก พี่ดาวลุย เราไม่ต้องมานั่งพยายามขายกันว่า คนหนึ่งอยากจะเดินหน้า คนหนึ่งจะถอยหลัง ลุยไปด้วยกัน ถ้าใครได้รู้จักทางผู้บริหาร VSquare จะเห็นว่าเป็นสายวิศวกรเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมเองถึงเป็นหมอก็เป็นหมอสายวิศวฯ เราทำทุกอย่างเป็น systematic ผมว่าเดี๋ยวพอหลังจากผ่าน Q1 ไป ตอนที่ Q2 ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี เริ่มรับรู้ได้ พี่ก็จะเห็น ค่อยๆ เห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นมา
คุณลภัสรดา : และอาจจะสอดคล้องไปถึงเป้าของการขยายสาขาของ VSquare ก็คือตอนนี้ยังอยู่ on process และหลังจาก Q2 เราจะมีตัวเลขที่ชัดเจนนะคะ
นพ.ระวีวัฒน์ : ทางรัตตินันท์ เมดิคอล เซนเตอร์ พี่หมอหนึ่ง สุทธิพงษ์ ต้องบอกว่าหลายๆ คนที่เป็นนักลงทุน จริงๆ และเป็นลูกค้าของพี่หมอหนึ่ง ต้องบอกแกเปิดมานานแล้วเช่นเดียวกัน และทำเรื่องของตัดกระเพาะกลุ่มนี้ กลุ่มบอดี้ โดยเน้นมากจะเป็นลูกค้าต่างประเทศ เพราะฉะนั้น พวกนี้ลูกค้าต่างประเทศก็จะเป็นปากต่อปาก ที่เคยทำมานานสมัยก่อน ลองจินตนาการ พี่ๆ ลองย้อนไปสิบปีแล้ว คนทำมันจะไม่เยอะมาก เพราะฉะนั้นเขาก็มีคน โฟกัสที่ไหน ถ้าเสิร์ชมาเมืองไทยต้องมาที่นี่ ทางรัตตินันท์เป็นโค้ด KOL (Key Opinion Leader) เกี่ยวกับการตัดกระเพาะ การส่องกล้อง การใส่บอลลูน เพราะฉะนั้นเมืองไทยก็ต้องที่นี่แหละ เพราะฉะนั้นที่นี่เอง เนื่องจากพอเป็น KOL เพราะฉะนั้นลูกค้าต่างประเทศก็จะบินมาทำ กลุ่มนี้อย่างนี้ผมยกตัวอย่างคือ synergy จริงๆ ถามว่าถ้าวันนี้บอกว่า MASTER ต้องเป็นลูกค้ากลุ่มนี้ และลูกค้าต่างประเทศที่เขาเคยทำกับพี่หมอหนึ่ง ถามว่าอยู่ดีๆ วันนั้นเขาจะเปลี่ยนมาทำกับ MASTER ไหมโดยตรง คงไม่ แต่อย่างนี้คือการ synergy กันเลย แล้วอะไรที่ทางที่หมอหนึ่งทำน้อยกับทำไม่เยอะ เราก็เอาของเราไปเสริมให้ นี่คือจุดที่มัน synergy กันครับ
คุณลภัสรดา : เมื่อกี้ทางคุณหมอมีแจ้งไปแล้วนะคะว่าอย่างปัจจุบัน ดีลที่เราซื้อทั้งหมดเนี่ยมูลค่าอยู่ประมาณ 1,500 ล้าน ก็ยังเป็นเงิน IPO และในส่วนเงิน IPO ยังเหลืออีกประมาณ 300 ล้าน
นพ.ระวีวัฒน์ : ก็อย่างแรกครับ ปัจจุบันถามว่าด้วยเรากู้แบบสบายๆ เนอะ อีกสัก 2,000 กว่า ผมคิดว่าทำได้ จริงๆ ต้องบอกว่าปัจจุบันเราเพิ่งใช้ไป 1,500 เอง ยังเหลืออีก 300 อันนี้ยังไม่นับที่เราตกแต่งภายในที่สร้างของเราเอง ทีนี้ของปีหน้าถ้าเรากู้ได้สัก 2,000 กว่า แต่ว่าคงไม่ aggressive ผมขอดูเร็ว-ช้า หนัก-เบา ยึดความเหมาะสมของดีล ความเหมาะสมของธุรกิจเป็นหลัก ผมจะมองไม่ใช่ว่าแค่อยากจะลงทุน แต่ทีมงานไหวไหม เคมีเข้ากันได้ไหม อันนี้คือสิ่งที่ผมว่าเป็นคาแร็กเตอร์ที่ผมเลือกดีลเป็นแบบนั้น ก็เป็นแบบนี้ครับ รวมถึงอาจจะเพราะว่าอะไรก็ตาม ต้องบอกก่อนที่ผมพูดมาทั้งหมดเรายังไม่เคยทำและยังไม่ได้คิดจะทำในอนาคต แต่แน่นอนครับ พอปีหน้า หลังจากสักประมาณเดือน 6 เราก็น่าจะเข้า SET และแน่นอน ความฝันผมยังไงเราก็อยากอยู่ใน SET100 ให้ได้ ตรงนี้ก็เป็นหนึ่งในความฝันของเราแล้วกันนะ
คุณลภัสรดา : จริงๆ ถ้าจากกราฟที่ทุกท่านเห็น หมอใหม่มีการเพิ่มเข้ามาก็คือ 3 คนเท่านั้น แต่ในส่วนของรายได้ต้องบอกว่า จริงๆ แต่ละหัตถการ จำนวนชั่วโมงต่างกัน รายได้ต่อชั่วโมงต่างกัน มีทั้งหัตถการเล็ก หัตถการใหญ่ ตั้งแต่ทำตาไปยังจมูกโอเพ่น ตรงนี้มันก็มีส่วนของการ variant ค่ะ
นพ.ระวีวัฒน์ : ก็ทั้งหมดทั้งมวล recap ถ้าผมว่าถ้าพี่ๆ คนไหนอยากลงทุนในธุรกิจ healthcare ผมเชื่อ MASTER น่าจะเป็นหนึ่งในชอยซ์หนึ่งที่ดีที่สุดที่หนึ่งที่อยู่ในเรดาร์ อันที่สองก็คือว่าในทุกดีลที่เราไป เราไม่ได้ไปแบบกินรวบตลาด ถ้าไปกินรวบในระยะต้นมันอาจจะดี แต่ระยะยาวอาจจะทำให้เหนื่อยได้ ยิ่งเติบโตไปยิ่งมีพันธมิตร ยิ่งเติบโตไปยิ่งมีการปากต่อปาก ยิ่งโตไปยิ่งเติบโตไปแล้วมีฐานลูกค้า ต้องบอกว่าเรายังไม่มีเวลาพอที่จะสรุปว่า database ของฐานลูกค้าทั้งกลุ่มเราที่เป็น big data มีจำนวนเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อนะครับวันนี้ผมเชื่อว่าประมาณ 7 ใน 10 คนที่เป็นลูกค้า ที่ทำด้าน aesthetic ในเมืองไทย ผมเชื่อว่าอาจจะเป็นลูกค้าเราไปแล้วด้วยซ้ำ และในอนาคตก็จะอยู่ในกลุ่มเราก็จะเข้มแข็ง
นพ.ระวีวัฒน์ : ความท้าทายนะครับ ผมคิดว่าเรื่องของคน เรื่องของคนที่ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะเป็นจุดแข็งในการพัฒนาคน effective ในแต่ละเรื่อง ความเป็นลีดเดอร์ของคน ต้องบอกว่าองค์กรเราเป็นองค์กรที่ผมเชื่อว่าตั้งแต่คนมาใหม่จนถึงกลายเป็นคนที่ใช่ ระยะเวลาสั้นที่สุดที่หนึ่งในประเทศ เพราะฉะนั้นตรงนี้เราให้ความสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราจะบอกว่าวันนี้ถึงแม้ผมอาจจะพูดประโยคว่าเราเข้มแข็งเรื่องการ change คน เรื่อง change คัลเจอร์ที่สุด ผมคิดว่าผมขออนุญาตยังไม่พูดในวันนี้ ผมขอพูดแค่ว่าวันไหนที่ทั้งหมดมันสำเร็จแล้ว ผมอยากจะเอาเรื่องนี้มาเขียนเป็นหนังสือในการถ่ายทอดด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นสิ่งที่ผม aware ว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องคิดในทุกๆ วัน
นพ.ระวีวัฒน์ : ต้องบอกว่าการทำดีล ผมขออนุญาตขมวดไปเรื่องสุดท้ายในสามนาทีนี้นะครับ ผมจะเล่าให้ฟัง แน่นอนครับ ผมเองโชคดี ผมมี circle of advisor เยอะ เป็นคนชอบหาความรู้ ถึงแม้เป็นหมอก็จริง แต่งานหลักคือชอบหาความรู้ คือผมเห็นอย่างนี้ครับ แน่นอนเวลาดีลกัน เมื่อสองบริษัทมาจอยกัน โอกาสสำเร็จมันมีไม่เยอะ ถ้าเปรียบเทียบกับในทั่วๆ ไป ก็ต้องย้อนกลับมาว่าเพราะอะไร อันหนึ่งเพราะว่าถ้าเราผมไปเป็นเจ้าของบ้านคุณลภัสรดา คุณลภัสรดาไปเป็นเจ้าของบ้านผมโดย absolute 100% แน่นอนแปลว่าไม่ผมทำตามกฎคุณลภัสรดา คุณลภัสรดาก็ต้องทำตามกฎผม จุดนี้แหละมันเป็นจุดที่มีโอกาสการเบรกกัน หรือมีการทะเลาะกันได้ คือเรื่องของ value แตกต่างกัน คำถามผมคิดว่าผมโฟกัสในสิ่งที่ทำได้ดีกว่าบ่นได้ดีกว่า อันนี้คือสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ และผมก็รู้ เพราะฉะนั้นผมโฟกัสที่ว่า หนึ่ง ตั้งแต่คัลเจอร์ เราชอบกันหรือเปล่า เช่น ผมมีหนังสืออย่างเช่นเรื่อง Principles ของ Ray Dalio ให้คุณลภัสรดาลองเขียน เขียนหัวข้อสิว่าเรื่องนี้คุณลภัสรดาให้ค่า value เห็นค่า value เรื่องนี้ไหม แล้วคุณลภัสรดาทำหรือเปล่า แต่กับผม ผมเห็นค่า value เดียวกันไหม ถ้าเราเห็นภาพ value เดียวกัน เช่น คุณลภัสรดาเชื่อว่าการทำงานหนักสำเร็จ ผมก็เป็นคนเชื่อว่าการทำงานหนักสำเร็จ ทำงาน 7 วัน มันก็จะไม่มีปัญหากันใช่ไหม ผมทำงานวันอาทิตย์ ผมโทรหาคุณลภัสรดา คุณลภัสรดาก็จะอยากรับสายผม แต่ถ้ากลับกัน value เราแตกต่างกัน ผมคิดว่าผมโทรไป คุณลภัสรดาก็โทรมาทำไม นี่คือเรื่องที่หนึ่ง ย้อนกลับมาคือ value ตรงกัน อันถัดมาคือการที่ยังมีความภูมิใจและอยากให้ธุรกิจของตัวเองโต นี่คือสาเหตุที่เราเข้าไปเป็น significant minority ในตอนนี้ เพราะฉะนั้น คุณลภัสรดาเองก็ยัง engage แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามผมไปถือหุ้นคุณลภัสรดาไป 80 - 90% คุณลภัสรดาก็อาจจะหมดไฟก็ได้ เพราะฉะนั้นตรงนี้เองเป็นสิ่งที่ผมโฟกัส อันถัดมาคือเราสองคนมี synergy ร่วมกันไหม เช่น วันนี้เองถ้าพี่ๆ คนไหนถ้ามีโอกาส ลองไปดูในอินสตาแกรมผมก็ได้ อินสตาแกรมคุณลภัสรดา เดี๋ยวนี้เราช่องทางง่าย MASTER insight ที่เรารวมเป็น one page ไว้ในนั้นให้แล้ว ลองไปดูได้ครับ แล้วพี่ๆ พาร์ตเนอร์ทุกคนก็ขอบคุณเรา ผมกล้าพูดอย่างนี้ ทุกๆ คนช่วยขอบคุณ เดี๋ยวคืนนี้ก็มีเรียน พรุ่งนี้ก็มีเรียน แล้วคุยกันอย่างตรงไปตรงมา สำคัญที่สุด บริษัทไหนจุดชี้วัดระหว่างจุดตอนนี้จะไปแค่นี้หรือเติบโตมากๆ ผมว่าคีย์สำคัญที่สุดคือ trust และการ communication อย่างตรงไปและตรงมาระหว่างกันและให้เกียรติกัน สิ่งนี้ผมคิดว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น อยากให้ลองเข้ามาเยี่ยมชมเรา และผมคิดว่าแล้วจะเข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังสื่อนะครับ
นพ.ระวีวัฒน์ : ผมอยู่ในธุรกิจของ healthcare ตั้งแต่ผมเกิด คุณพ่อผมเป็นหมอ อยู่ใน healthcare เรียกว่าตั้งแต่เกิดเลยดีกว่า เด็กมาก็โตในโรงพยาบาล โรงพยาบาลรัฐ โตมาอีกหน่อยอยู่ในคลินิกของคุณพ่อ วันนี้เองผมคงไปทำธุรกิจอื่นไม่ได้อีกแล้ว ผมต้องบอกก่อนผมคงอยู่ในธุรกิจ healthcare ไปตลอดชีวิตของผม เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมเห็นภาพคือ ถ้าวันหนึ่งที่ใครคนใดคนหนึ่งที่อยากจะปีนภูเขา อยากจะขึ้นภูเขา ผมเชื่อว่าวันนั้นคนทุกคนจะมีสิทธิขึ้นถึงยอดเขาได้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ผมคิดว่าทุกคนต้องการจะขึ้นภูเขาเอเวอเรสต์ ต้องการจะปักธงอยู่บนยอดเขาว่าวันนี้ฉันพาทีมและตัวฉันมาถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ แต่ส่วนตัวผมเอง แน่นอนครับ ถ้ามีโอกาสวันหนึ่งที่เราเป็นอันดับหนึ่งทางด้านกลุ่ม specialty hospital หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านหลายๆ ด้านได้ ในแต่ละด้านที่มีความแข็งเป็นของตัวเอง แตกต่างกันเรื่องของแบรนด์ แล้วเอาคัลเจอร์ไปขยาย ผมคิดว่าวันนั้นแหละครับ ผมอยากไปปักธงที่จุดนั้นให้ได้ วันนี้ขอบคุณนะครับทุกคน
คุณลภัสรดา : ขอบคุณค่ะ
ไตรมาส 2 ประจำปี 2566
ในช่วงครึ่งปีหลังของ ปี 2566 แนวโน้มธุรกิจของธุรกิจศัลยกรรมในประเทศกลับมาดีขึ้น สังเกตได้จากหลังจาก ผ่านพ้นช่วงโควิดผู้คนจะนิยมเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นจำนวนมากในช่วงหยุดยาว ซึ่งมาจากความต้องการท่องเที่ยวยังต่างประเทศหลังจากที่ไม่ได้เดินทางเป็นเวลา 2 ปี และหลังจากนี้ผู้คนจะกลับมาให้ความสนใจ ในด้านศัลยกรรมความงามเพิ่มขึ้น รวมไปถึงความชัดเจนทางด้านการเมืองทำให้แนวโน้มการบริโภคภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทโดยตรง อีกทั้งในภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวมากขึ้นประกอบกับกำลังเข้าสู่ช่วง High Season เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันลูกค้าต่างชาติมีสัดส่วนต่อรายได้ของบริษัทประมาณ 25 % โดยทางบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อรองรับความต้องการ ที่จะเกิดขึ้นในทุกการให้บริการ และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือภายในไตรมาส 4 ทาง MASTER จะเริ่มรับรู้กำไร ของธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในช่วงก่อนหน้า คือทาง Wind clinic และตัว Kin corporation ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ในการเติบโตในอีกรูปแบบหนึ่งที่จะส่งผลทำให้แนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังเพิ่มสูงขึ้น
ในส่วนของการใช้งานห้องผ่าตัด( Operating Room) เดิมจะใช้งานอยู่ที่ 18 ชั่วโมง ปัจจุบันใช้งานอยู่ที่ 12 ชม. อัตราการใช้ห้องจากเดิม 94 เปอร์เซ็นต์และปัจจุบันอยู่ที่ 60 - 70เปอร์เซ็นต์ แต่หากช่วงปลายปีมีอัตราการใช้ห้องถึง 70-80 เปอร์เซ็นต์ เราสามารถขยายเวลาห้องผ่าตัดเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับรองลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้
จากข้อมูลในไตรมาส 2 จะพบว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลงเป็นผลมาจากการควบคุมประสิทธิภาพการใช้จ่ายที่ดีขึ้นและรายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนในไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ด้านค่าใช้จ่ายทางการตลาดบริษัทมีการควบคุมให้ไม่เกิน 10 % ทั้งนี้เกิดจากการบริหารจัดการรายจ่ายที่ดีขึ้น และรายได้ที่สูงขึ้น ทำให้สัดส่วนรายจ่ายต่อรายได้ลดลง
อายุเฉลี่ยของแพทย์ที่โรงพยาบาลประมาณ 35 ปี โดยมีสัดส่วนค่าธรรมเนียมแพทย์ ( Doctor fee ) โดยประมาณ 20-22 % ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น(gross profit margin) ทางด้านศัลยกรรมจะสูงกว่าบริการดูแลผิวพรรณ เนื่องจากในส่วนของบริการดูแลผิวพรรณจะมีการแข่งขัน ด้านราคาของยาที่ใช้จึงทำให้ต้นทุนทางด้านบริการดูแลผิวพรรณมีราคาสูงกว่า
แพทย์ของทางมาสเตอร์จะเป็นแพทย์ Fulltime และทำสัญญาระยะยาว (ประมาณ 10 – 20 ปี) โดยทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงที่จะสนับสนุนและเติบโตไปด้วยกัน และอีกทั้งทางเรามีการพัฒนาความรู้ให้กับทีมแพทย์ ทำให้แพทย์ มีชื่อเสียง มีระบบปฏิบัติการที่ดี ร่วมกับวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้แพทย์เกิด จึงทำให้แพทย์อยากร่วมงานกับทางเรา
จุดที่แตกต่างของการศัลยกรรมของ MASTER กับศัลยกรรมที่เกาหลีคือ
- จำนวนผลงานที่ออกมาเป็นจำนวนมากและเป็นที่พอใจของลูกค้านั้นทำให้เกิดสเกลการบอกต่อ ซึ่งตรงนี้ส่งผลบวกในเรื่องของการตลาด และจำนวนผู้ใช้บริการของ MASTER
-
เรื่องแพทย์ MASTER เรามีระบบการพัฒนาของแพทย์ โดยเรามีทีมอาจารย์แพทย์ที่เน้นเรื่องการสอนและทักษะฝีมือของแพทย์
จำนวนแพทย์ มีความหลายหลายทั้งในเรื่อง Style และราคาเราสามารถขายได้ในระดับราคาที่ค่อนข้างกว้าง เช่น จมูกเราสามารถทำได้จากตั้งแต่ราคาหลักหมื่น เป็นจนถึงราคาหลักล้านทำให้คนไข้สามารถเลือกใช้บริการได้ตามความเหมาะสมของงบประมาณ
- เรื่องของการบริการ สั่งเกตุได้จากคนไข้ที่มาทำศัลยกรรมที่ MASTER แล้วมักจะมาทำศัลยกรรมด้านอื่นๆที่เราต่อเนื่อง
เนื่องจากทางบริษัทให้ความสำคัญในด้านของความยั่งยืน (sustainability) ดังนั้นลักษณะกิจการที่ทางบริษัทสนใจจะพิจารณาเข้าไปร่วมลงทุนจะเป็นลักษณะของกิจการที่จะต้องช่วยกันสนับสนุนในกิจการทั้งสองฝ่าย และเป็นกิจการที่มีพันธมิตรในท้องถิ่นและมีฐานลูกค้าเดิมในพื้นที่มีความแข็งแกร่งเพื่อช่วยในการผลักดันให้บริษัทเติบโต โดยใช้หลักการ อันได้แก่
- Cross selling คือ การโฟกัสในเรื่องความแตกต่างของสินค้าบริการ ที่สามารถมาส่งเสริมกันได้ เช่น Rattinan medical center ที่มีจุดเด่นด้านหัตถการเกี่ยวกับ Body contouring และการตัดกระเพาะ และ Dr.Chen international surgery hospital ที่มีจุดเด่นด้านหัตถการเกี่ยวกับ Facial contouring
- Cross border คือ การขยายขอบเขตการให้บริการในต่างพื้นที่ ตัวอย่างเช่น Wind clinic ที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี
- Cross synergy คือ ธุรกิจในเรื่องที่จำเป็น และส่งเสริมธุรกิจการแพทย์ ในเรื่องอื่นๆ เช่น กรณี Kin corporation ที่เข้ามาส่งเสริม ทาง MASTER และ Partners ในเรื่องการตลาด
อัตราการเติบโตรายได้ของ Wind Clinic ในช่วง 2 เดือนล่าสุดอยู่ที่ 30% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมาสเตอร์เข้าไปลงทุน ซึ่งในขนาดนี้ทางเราได้มีแผนการในการเพิ่มบริการต่างๆ เพื่อเข้าไปเสริมกับทาง Wind clinic ในการช่วยทำให้มีการเติบโตที่ดี และปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเรี่อยๆ และในปีหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านศัลยกรรมของทางภาคอิสานตอนล่าง
ในปีนี้ทางบริษัทจะมีดีลที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อยอีกประมาณ 3 ดีลและมีหลายขนาด โดยมีขนาดตั้งแต่มูลค่าต่ำกว่า 100 ล้านบาทไปจนถึงมูลค่าสูงกว่า 100 ล้านขึ้นไป และสิ่งที่สำคัญบริษัทที่จะร่วมธุรกิจกับทางเราจะต้องมีการเติบโตร่วมกันอันเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นทุกท่านด้วย
เนื่องจากที่ผ่านมามีทั้งนักลงทุนและกองทุนจากทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมากให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน ทางเราจึงมีแผนในการเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องและเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ (SET) แต่ทั้งนี้จะเข้าเมื่อไหร่นั้นต้องขอพิจารณาตามความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
ไตรมาส 1 ประจำปี 2566
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในครึ่งปีหลัง Master แบ่งออกเป็น 2 ส่วน
- ส่วนที่ 1 การเติบโตแบบ Organic บริษัทฯ เพิ่มห้องผ่าตัดตามที่ได้ระบุไว้ในแผนการใช้เงิน IPO จำนวน 10 ห้อง แล้วเสร็จและเริ่มใช้ในเดือนมิถุนายน 2566 ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังมีห้องผ่าตัดรองรับการให้บริการมากถึง 17 ห้อง บริษัทฯ ได้วางแผนทางการตลาดเพื่อเตรียมพร้อมในการขยายฐานลูกค้าให้สอดคล้องกับจำนวนห้องผ่าตัด ทำให้ยอดผู้มาใช้บริการต่อวันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลเติบโตอย่างก้าวกระโดดในครึ่งปีหลังนี้
- ส่วนที่ 2 การเติบโตแบบ Inorganic บริษัทฯ ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการเติบโตทั้งการควบรวมกิจการแนวดิ่ง (Vertical Integration) ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และการควบรวมกิจการแนวราบ (Horizontal Integration) โดยที่ยังมุ่งเน้นในธุรกิจทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้เวลาพิจารณาในทุกมิติที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินการเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการเติบโตร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย
- การมีวัฒนธรรมการทำงานแบบ Professional sport team ที่ขับเคลื่อนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความสามารถของสมาชิกทีม และการให้และรับ Feedback เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
- การสร้างทีมแพทย์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานของทาง MASTER และการปั้นแพทย์เป็น STAR ให้มีผลงานเป็นที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในวงกว้าง โดยมีสัญญาเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อใจ (Trust) ระหว่างกัน ส่งผลให้เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างมีประสิทธิผล
- การกระจายงาน (Delegate) ด้านกลยุทธ์การตลาด ด้วยแนวคิด “คลินิกเล็กในโรงพยาบาลใหญ่” เน้นการบอกต่อแบบปากต่อปาก โดยมีผลลัพธ์จากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ช่วยยืนยันให้กับผู้ที่กำลังศึกษาการทำศัลยกรรมให้มีความมั่นใจในผลงานของ MASTER มากขึ้น โดย MASTER สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ผ่านกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้นำทางด้านความคิดที่มีชื่อเสียง (Influencer) ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า 50 ล้านคนต่อเดือน
จากที่ยอดขายเพิ่มขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของรายได้ อาทิเช่น ค่าประชาสัมพันธ์ ค่าการตลาด Online เป็นต้น ทั้งนี้ ในไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ในช่วงต้นปีจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดทำป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ (เพื่อให้ป้ายดูใหม่สีไม่ซีด) ทำให้สัดส่วนของค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรายได้ โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มีแนวโน้มลดลงในไตรมาส 2
ในไตรมาส 1 สัดส่วนรายได้ของลูกค้าคนไทยต่อลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ ร้อยละ 80 และร้อยละ 20 ตามลำดับ และหลังจากเปิดประเทศคาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น และแม้ว่า MASTER มีนโยบายการตั้งราคาขายของลูกค้าคนไทยและลูกค้าต่างชาติเป็นแบบราคาเดียว (One price policy) แต่เมื่อพิจารณาราคาเฉลี่ยต่อบิลของลูกค้าต่างชาติ พบว่ามีราคาเฉลี่ยต่อบิลสูงกว่าลูกค้าชาวไทย โดยราคาเฉลี่ยต่อบิลของลูกค้าต่างชาติสูงถึง 350,000 บาท จึงส่งผลให้มีแนวโน้มในการขยายฐานลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
MASTER ได้วางแผนขยายฐานลูกค้าต่างชาติ โดยการสร้างทีมการตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับการทำการตลาดที่จะขยายฐานลูกค้ามากขึ้นในแต่ละภูมิภาคของโลก ผ่านสื่อ social media ของ MASTER และผลักดัน MASTER ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างของลูกค้าต่างชาติ ผ่านกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้นำทางด้านความคิดที่มีชื่อเสียง (Influencer) รวมถึง Agency และ Partner ที่เฉพาะในแต่ละกลุ่มประเทศ
รายได้แยกตาม Business unit เทียบไตรมาส 1 ของปี 2565 และ 2566 พบว่า
- รายได้จากบริการด้านศัลยกรรม จำนวน 341.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 77.9
- รายได้จากบริการด้านดูแลผิวพรรณ จำนวน 41.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 184.3
- รายได้จากบริการด้านการปลูกผมและดูแลเส้นผม จำนวน 24.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.3
- รายได้จากบริการด้านการดูแลหลัง จากศํลยกรรม จำนวน 17.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.52
- รายได้จากการประกอบกิจกรรมโรงพยาบาลอื่น จำนวน 10.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 145.2
ในไตรมาส 1 ปี 2566 จำนวนชั่วโมงการผ่าตัด (Operation Hr.) คิดเป็น 18 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีอัตราการใช้ห้องผ่าตัด (Capacity Rate) อยู่ที่ร้อยละ 94
MASTER มีทีมแพทย์ที่มีศักยภาพ เตรียมพร้อมรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยทีมแพทย์ปัจจุบันสามารถสนับสนุนและรังสรรค์ผลงานผ่านการผ่าตัดให้กับลูกค้าได้มากกว่าปัจจุบันถึง 2-3 เท่า
เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าของ MASTER ร้อยละ 80 เป็นลูกค้าในประเทศ ที่มีกำลังซื้อสูงและเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการในการเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเอง ซึ่งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจมีผลต่อแรงจูงใจดังกล่าวในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี MASTER คาดการณ์ว่าทิศทางและจุดยืนในเรื่องการเป็นศูนย์กลางทางด้านการแพทย์ (Medical hub) และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical tourism) ของประเทศไทย จะไม่ผันแปรตามการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในขณะนี้ เนื่องจากทุกฝ่ายให้การสนับสนุนและมองว่าเป็นธุรกิจหลักที่จะขับเคลื่อนประเทศในอนาคต
ปัจจุบัน Wind clinic มี 2 สาขา โดยตั้งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี และกรุงเทพมหานคร ย่านเกษตร นวมินทร์ โดยเป็นคลินิกความงามที่มีจุดเด่นด้านการดูแลผิวพรรณที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก (เซเลป) ในจังหวัดอุบลราชธานี โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากความสามารถ และทีมผู้บริหารที่พร้อมผลักดันให้ธุรกิจเติบโต และมีทัศนคติที่พร้อมพัฒนาและเปลี่ยนแปลง MASTER มองว่าการร่วมมือกับบริษัท มีแพลนดี จำกัด หรือ “Wind Clinic” จะส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเรียนรู้และพัฒนาต่อยอดร่วมกัน หรือที่เรียกว่า Win - Win พร้อมเติบโตและขยายสาขาไปยังพื้นที่อื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในอนาคต
ไตรมาส 4 ประจำปี 2565
เป้าหมายรายได้ที่บริษัทได้วางแผนไว้ คือ 2200 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตแบบ Organic ที่มาจากการขยายห้องผ่าที่จะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2566 โดยเพิ่มขึ้นจาก 7 เตียงมา 17 เตียง ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างรายได้แกบริษัท มี Capacity มากขึ้นมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า พร้อมแผนการทางการตลาดที่เตรียมไว้เพื่อให้เคสผ่าตัดต่อวันเพิ่มขึ้นหลังจากการขยายเตียงห้องผ่าตัดแล้วเสร็จ
ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มตามสัดส่วนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีค่าใช้ป้าย Billboard ที่เพิ่มสูงขึ้นจากโอกาสทางการตลาดและผลประโยชน์พนักงาน โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ในไตรมาส 1 ปี 65 มีแนวโน้มที่ลดลง
ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมามีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าคนไทยต่อลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 82:18 เปอร์เซนต์ และในไตรมาส 1 ปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเปิดประเทศ โดยกลุ่มลูกค้าส่วนมาก มาจากประเทศ CLMV ในส่วนของคนจีนมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีเคสผ่าตัดจำนวน 30-40 เคสต่อวัน ราคาเฉลี่ยต่อเคสอยู่ที่ 1x,xxx - 1,xxx,xxxx บาท ด้วยแต่ละหัตถการ หากรวมทุก Business unit เช่นการดูแลผิว คลินิกเพศชาย การรักษาอื่นๆจะอยู่ที่ 1xx,xxx บาทต่อคน
รายละเอียดแยกตามชนิตของ Business unit ที่ได้รายงานตามคำอธิบายผลประกอบการของบริษัทเป็นดังนี้
- ศัลยกรรม 1193.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.58%
- ดูแลผิวพรรณ 105.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170.79 %
- ปลูกผมและดูแลเส้นผม 89.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.76%
- การดูแลหลัง จากศํลยกรรม 62.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.56%
- รายได้จากการประกอบกิจกรรมโรงพยาบาลอื่น 31.04 ล้านบาท ลดลง 10.50 %
ในไตรมาส 4 จำนวนชั่วโมงของการใช้ห้องผ่าตัดอยู่ที่ 18 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีอัตราการใช้ห้องผ่าตัดอยู่ที่ 93 %
นักลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการเพิ่มจำนวนของชั่วโมงในการใช้ห้องผ่าตัดต่อวัน ส่งผลต่อรายได้ในทิศทางบวก แต่หากมองส่วนของการทำงานด้านบริการนั้น การทำงานหนักเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี นี้คือเหตุผลสำคัญที่เราเพิ่มห้องผ่าตัดเพื่อให้เกิดการ Utilize ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำงานของแพทย์ ที่เป็นเหมือนศิลปินสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
การปรับราคาของทางโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ใช้อ้างอิงกับราคาตลาดสำหรับหัตถการที่ต้องการใช้วัสดุแบบมียี่ห้อ (Brand pricing) ในส่วนหัตถการแบบมีฝีมือ (Result pricing) จะมีการปรับตามประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์
ค่าใช้จ่ายในส่วนของ IP0 ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายทางตรงในการเข้าตลาดจะหักออกจากส่วนเกินทุนและเงินสดไม่ได้กระทบกำไรในส่วนงบขาดทุน แต่จะมีค่าใช้จ่ายในด้านประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมประมาณ 2.5 ล้านบาท และเป็นรายจ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
การขยายห้องผ่าตัดดำเนินได้ตามแผนการ และพร้อมที่จะให้บริการทั้ง 17 ห้องภายในไตรมาส 2 ปีนี้