กลยุทธ์ทางธุรกิจ
5 กลยุทธ์หลักทางธุรกิจ
โรงพยาบาลฯ ให้ความสำคัญกับคุณภาพการบริการเป็นอันดับหนึ่ง โดยครอบคลุมการบริการในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญของเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ความรวดเร็ว ตลอดจนความสะดวกสบายต่างๆ ที่ลูกค้าได้ประสบการณ์จากทางโรงพยาบาล โรงพยาบาลฯ ได้นำระบบสารสนเทศ (Hospital Information System: HIS) เพื่อบันทึกข้อมูล ประวัติ ภาพถ่ายของลูกค้าเข้าระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้การจัดการประวัติลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการประมวลข้อมูลเพื่อให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ได้ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น และยังสามารถใช้ฐานข้อมูลเพื่อใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้ นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ยังใช้ระบบติดตาม (Tracking) ลูกค้าเมื่อเข้าใช้บริการในโรงพยาบาลฯ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าใช้เวลาในแต่ละส่วนบริการ (ไม่รวมการพบแพทย์และการเข้ารับผ่าตัดหรือหัตถการ) ไม่เกินกว่ามาตรฐานที่โรงพยาบาลฯ กำหนดไว้ เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าทุกคนได้รับบริการอย่างทั่วถึงและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
เนื่องด้วยธุรกิจการศัลยกรรมเสริมความงามเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การพัฒนาการเทคนิคการศัลยกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ดังนั้น โรงพยาบาลฯ จึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ โดยเริ่มตั้งแต่สรรหาแพทย์และและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ ความสามารถและความเชี่ยวชาญทั้งเฉพาะด้านและสาขาต่างๆ สามารถเรียนรู้เทคนิคการแพทย์ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพและรองรับความต้องการที่มีความหลากหลายของลูกค้าที่มากขึ้น ที่ต้องการได้ผลลัพธ์สวยงาม เป็นธรรมชาติ ใช้ระยะเวลาพักฟื้นน้อยลงเมื่อเทียบกับการผ่าตัดศัลยกรรมในรูปแบบเดิม ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ มีการส่งเสริมการเทรนนิ่งภายในองค์กรเพื่อพัฒนาความรู้ในทีมแพทย์ และการไปร่วมสัมมนาที่สถาบันการแพทย์ต่างประเทศ เพื่อเรียนรู้เทคนิคการแพทย์ใหม่ๆ และเทรนด์ศัลยกรรมความงาม ทั้งนี้ ในปี 2565 โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชได้ว่าจ้างแพทย์จากประเทศเกาหลีจำนวน 3 ท่าน ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สอนในสถาบันอบรม Korean College of Cosmetic Surgery (KCCS) โดยจัดให้มีการอบรมระหว่างแพทย์กับแพทย์ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเท่านั้น เพื่อฝึกอบรมทักษะและพัฒนาทีมแพทย์ของโรงพยาบาลฯ สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ที่ประเทศไทยและไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ
โรงพยาบาลฯ มีความตระหนักว่าทรัพยากรบุคคลเป็นส่วนที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โรงพยาบาลฯ จึงมุ่งเน้นการการบริหารและพัฒนาความรู้พนักงานอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การจัดเตรียมแผนการบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อจัดหาบุคลากรที่มีศักยภาพและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถให้อยู่กับโรงพยาบาลฯ ได้นาน จัดให้มีการฝึกอบรม ความรู้ ทักษะ ไม่เพียงแต่การพัฒนาทีมงานและบุคลากรด้านความรู้เรื่องของวิชาการเท่านั้น ยังสนับสนุนให้เรียนรู้เกี่ยวกับสื่อดิจิตอล (Digital Marketing) การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อให้บุคลากรสามาถสื่อสารและให้บริการทันตามยุคสมัย โรงพยาบาลฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาค่านิยมองค์กรเพื่อเป็นกรอบแนวคิดหลักและเป็นบรรทัดฐานในการทำงานเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นส่วนช่วยสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการวัดความพึงพอใจของพนักงานผ่านแอพพลิเคชั่น Happily ซึ่งจะคอยตรวจสอบผลตอบรับของพนักงาน และหากตรวจพบปัญหาแล้วจะดำเนินการแก้ไขปัญหาทันที เพื่อให้พนักงานทุกคนรู้สึกมีความสุขในการทำงาน
โรงพยาบาลฯ เน้นทำการตลาดเชิงรุกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารหลักของโรงพยาบาลฯ ได้แก่ Facebook และ Line Official ไปพร้อมกับการสร้างภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และรักษาฐานลูกค้าเดิมให้กลับมาใช้บริการ โดยผ่านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เช่น การจัดโปรโมชั่นส่วนลดของแถมประจำเดือน และอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดของโรงพยาบาลฯ ที่สำคัญได้แก่ การจัดให้มีการรีวิวการศัลยกรรมของลูกค้าที่มาใช้บริการจริง การเผยแพร่รูปภาพและข้อความในแพลตฟอร์มออนไลน์ของผู้ที่สนใจในการเสริมความงามและการศัลยกรรมโดยเฉพาะ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์บนโซเชียลกับกลุ่มผู้ที่สนใจและอาจเข้ามาเป็นลูกค้าในอนาคตของโรงพยาบาลฯ
บริษัทฯ มีการกำหนดแผนงานเพื่อกำหนดตำแหน่งทางการตลาด (Market Positioning) โดยมุ่งหวังให้ชื่อของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเป็นที่สนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งโรงพยาบาลฯ ได้มีการยกระดับภาพลักษณ์ นอกเหนือจากการใช้สื่อออนไลน์แล้ว ในปี 2565 โรงพยาบาลฯ มีการใช้สื่อโฆษณาบนแผ่นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ จำนวน 6 จุด เพื่อเป็นการเพิ่มมองเห็นและรับรู้จากผู้ที่สนใจในส่วนของการตลาดที่เป็นออฟไลน์ด้วย
โรงพยาบาลฯ ให้บริการเสริมความงามแบบครบวงจร ทั้งการศัลยกรรม ให้บริการปลูกผมและดูแลเส้นผม ให้บริการดูแลผิวพรรณ มุ่งเน้นการให้บริการที่ดีมีคุณภาพ โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ช่วงอายุ 20-50 ปีที่ สนใจด้านการเสริมความงามและการเข้ารับบริการที่ได้มาตรฐานระดับสากล ดังนั้น นโยบายการตั้งราคาของโรงพยาบาลฯ จึงไม่เป็นในลักษณะของการแข่งขันด้านราคาหรือลดราคาค่าบริการเพื่อแย่งลูกค้าหรือขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น